ก่อนจะเข้าคูหา กาบัตรเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ ลองมาทบทวนกันหน่อยว่า 5 พรรคการเมืองใหญ่ที่มีโอกาสจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เขามีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา และการพัฒนาเมือง รวมไปถึงเรื่องที่อยู่อาศัย การขนส่งกันอย่างไรบ้าง ขอเริ่มจากพรรคที่เคยเป็นรัฐบาลมาก่อนหน้าการปฏิวัติในฐานแชมป์เก่าก่อนแล้วกัน
พรรคเพื่อไทย มีนโยบายทำเมืองให้น่าอยู่ โดยจะเปลี่ยนวิธีคิดการพัฒนาเมือง จากเมืองน่าเที่ยวให้เป็นเมืองน่าอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในทุกด้าน และพัฒนาระบบขนส่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า เช่น การปรับเส้นทางรถเมล์ใหม่ ยกระดับรถสองแถว รถกะป๊อ เป็นต้น
ขณะเดียวกันจะสนับสนุน การเดิน ให้เมืองเป็นเมืองเดินได้ คนเมืองต้องสามารถเดินไปยังจุดมุ่งหมายรอบสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถเมล์ได้ในรัศมีที่กว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ เกิดตลาดใหม่ เกิดการสร้างรายได้ใหม่ๆ เมื่อคนเมืองสามารถสัญจรไปมาได้ด้วยการเดิน
ต่อยอดสู่การเป็นเมืองแห่งการแบ่งปัน โดยใช้พื้นที่ว่างในเมือง เช่นพื้นที่ว่างของส่วนราชการที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์ ให้เป็นพื้นที่สร้างงาน สร้างโอกาสในการค้าขาย จัดระเบียบอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร้านค้าหาบเร่แผงลอยมีที่ขาย คนเมืองมีที่กินราคาไม่แพง คนเดินก็สามารถเดินได้
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เช่า เพื่อให้บ้านใกล้งาน โดยพัฒนาที่พักอาศัยสำหรับเช่าให้เด็กจบใหม่ เช่าไม่แพง ใกล้ที่ทำงาน ให้มีโอกาสเก็บออมสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นระยะเวลา 5 ปี ก่อนออกไปซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แล้วให้เด็กจบใหม่มาเช่าต่อ เพื่อลดปริมาณการเดินทางระหว่างบ้านชานเมืองกับที่ทำงานในเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมือง
รวมถึงการสร้างแหล่งงานใกล้บ้าน โดยจะเปลี่ยนโครงสร้างเมืองที่ทำให้การจราจรติดขัดเพราะงานรวมศูนย์อยู่ในเมือง โดยให้รัฐกำหนดทิศทาง วางผังเมือง สร้างแรงจูงใจ เพื่อให้เอกชนสร้างออฟฟิศกระจายงานไปยังสถานีรถไฟฟ้าชานเมืองต่างๆ เกิดเมืองใหม่ เกิดงานใกล้บ้าน ไม่ต้องรวมศูนย์อยู่ใจกลางเมืองอีกต่อไป
ด้านคมนาคมจะพัฒนาระบบคมนาคมในทุกทางให้สะดวกและทั่วถึงแก่ทุกพื้นที่ ปรับปรุงระบบคมนาคมเดิมและสร้างระบบคมนาคมใหม่ ดำเนินนโยบายการจัดสร้างรถไฟฟ้า ให้ครบทุกเส้นทางทั้งระบบโดยเร็วที่สุด การคมนาคมขนส่งทุกระบบต้องเชื่อมถึงกันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทางบก น้ำ หรือทางอากาศ พัฒนาสนามบินหลัก และสนามบินย่อยในแต่ละภูมิภาค
ประชาธิปัตย์ จะสร้างบ้านหลังแรกด้วยงบประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยที่มีศักยภาพในการกู้ยืมมีสิทธิในการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อบ้านเป็นที่อยู่อาศัย และจะผลักดันการเก็บภาษีที่ดินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแหล่งรายได้ให้กับท้องถิ่น รวมไปถึงการกระจายการถือครองที่ดินในขนาดที่เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพและให้เกิดความเป็นธรรม โดยจะจัดเก็บภาษีไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนส่วนใหญ่
ขณะเดียวกันจะ ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการที่อยู่อาศัยแห่งชาติ บูรณาการการทำงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและพัฒนาที่อยู่อาศัย พร้อมจัดท้าแผนบริหารจัดการที่อยู่อาศัยแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนองตอบความต้องการด้านที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมผลกระทบจากการพัฒนาธุรกิจบ้านและที่อยู่อาศัย ส่งเสริมให้ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย และมีโอกาสเลื่อนการมีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพดีขึ้น
นอกจากนี้จะ สนับสนุนให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการพัฒนาธุรกิจบ้านและที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อสนองตอบความต้องการบ้านและที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้กลุ่มต่างๆ ส่งเสริมการซื้อขายที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง เพื่อพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัยให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยมาตรการจูงใจที่เหมาะสม
ด้านการคมนาคม จะเร่งรัดโครงการสร้างรถไฟทางคู่ รองรับความเร็วอย่างน้อย 120 ก.ม./ชม. เพื่อขนส่งสินค้า และผู้โดยสารให้ครอบคลุมทั่วประเทศให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขยายโครงข่ายรถไฟด้วยการสร้างเส้นทางใหม่เชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึงทุกจังหวัดและใช้โครงข่ายรถไฟให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พัฒนารูปแบบการลงทุนในการสร้างรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน เร่งรัดการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น พัฒนาระบบการให้บริการขนส่งทางรถไฟ
นอกจากนี้ จะขยายโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เร่งขยายโครงข่ายถนน เชื่อมโยงจังหวัดและแหล่งท่องเที่ยว ปรับปรุงทางหลวงสายสำคัญทางยุทธศาสตร์ในทุกภูมิภาค เพื่อการขนส่ง และยกระดับความปลอดภัย ด้วยการขยายถนนเป็นไม่น้อยกว่า 4 ช่องจราจร สร้างเพิ่มถนน รองรับการขนส่งสินค้าและการสัญจรระหว่างเมืองและ ยกระดับระบบจราจรอัจฉริยะ ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่
ภูมิใจไทย จะแก้กฎหมายขนส่ง สร้างทางเลือกใหม่ให้กับการเดินทางของประชาชนในกรุงเทพมหานคร ด้วยการนำทรัพย์สินส่วนตัว (รถยนต์) มาสร้างรายได้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่สามารถจับคู่ระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการด้วยความรวดเร็วทันเวลา รวมทั้ง เสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 เพื่อนำห้องชุดเป็นห้องเช่า สร้างรายได้ ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
Work@Home โลกออนไลน์ ทำงานที่ไหนก็ได้ เงินเดือนเท่าเดิม เพื่อแก้ปัญหามลภาวะและการจราจร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยการส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชน จัดให้ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทเอกชนในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำงานที่บ้านสัปดาห์ละ 1 วัน โดยมีมาตรการจูงใจทางด้านภาษี สำหรับภาคเอกชน ในการลดปริมาณการจราจรบนท้องถนนของกทม.และปริมณฑล อย่างน้อย ๆ สัปดาห์ละ 1 วัน สลับสับเปลี่ยนกันไป
ขณะเดียวกัน โลกยุคออนไลน์ สามารถที่จะทำให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย สามารถจัดการเรียนการสอนที่ใด เวลาใด สถานที่ใด ก็ได้ นักเรียนเข้าไปโรงเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้ในห้องเรียนเพียงแค่ 4 วันและเวลาเรียนที่เหลือให้จัดตารางเรียนใหม่เพื่อให้เข้าศึกษาทางระบบออนไลน์มีห้องเรียนอยู่ที่บ้าน
นอกจากนี้จะนำ พื้นที่ในกทม.และปริมณฑล ภาครัฐจะต้องจัดหาสถานที่เพื่อจัดทำ Co-working Space ขึ้นมาแขวงละ 1 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกของประชาชนในการเข้าใช้บริการ ในการพบปะเจรจาหรือทำงาน เป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายและมีอินเทอร์เน็ตให้บริการฟรี
นำบุรีรัมย์โมเดล นำความคิดสร้างสรรค์ หาจุดเด่นในการพัฒนาเมือง อย่างเช่นจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำให้เป็นเมืองกีฬาและการท่องเที่ยวที่โด่งดัง เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชน และเป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคมีบุคลากร ที่เคยทำงานจนทุกคนเห็นแล้วว่าเกิดความประสบความสำเร็จมาแล้ว และจะนำแนวคิดการพัฒนาเมืองแบบนี้ไปเผยแพร่ในจังหวัด อื่นๆ ทั่วประเทศ
พลังประชารัฐ จะสานต่อโครงการ บ้านล้านหลังที่ได้ให้ประชาชนมาจองสิทธิ์สินเชื่อไว้แล้ว 1.27 แสนล้านบาท (จะมีการเพิ่มวงเงินให้อีก 1 แสนล้านบาท) และโครงการบ้านประชารัฐ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของกรมธนารักษ์ การเคหะแห่งชาติ และเอกชน ขณะเดียวกันจะเสริมสร้างอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ ให้กับคนที่มีรายได้ไม่พอในการผ่อนบ้าน จะพัฒนาคอนโดมิเนียมให้กับผู้สูงอายุ สำหรับคนเมือง มีการปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุ ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ผลักดัน รีเวิร์ส มอร์เกจ เปลี่ยนบ้านให้เป็นบำนาญสำหรับผู้สูงอายุ และประกาศให้ไทยเป็น ยูนิเวอร์เซล ดีไซน์ เนชั่น
ด้านการพัฒนาเมือง จะกระจายศูนย์กลางความเจริญไปสู่ภูมิภาค โดยใช้ อีอีซี โมเดล ไปพัฒนาในภูมิภาคอื่น ทั้งงภาคอีสาน เหนือ และใต้ สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้านมีงานทำ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร นครราชสีมา อุบลราชธานี อยุธยา ราชบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี สงขลา กระบี่
ส่วนเมืองรอง ได้แก่ ลำปาง น่าน ตาก มหาสารคาม หนองคาย นครพนม บุรีรัมย์ มุกดาหาร สระแก้ว สมุทปราการ สระบุรี กาญจนบุรี ระนอง ยะลา ภูเก็ต ซึ่งทำให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างที่อยู่อาศัย พัฒนาย่านธุรกิจและนวัตกรรม
นอกจากนี้มีสร้างเมืองอัจฉริยะสีเขียว ด้วยเทคโนโลยี พัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็น bangkok 5.0 สร้าง 9 ย่านนวัตกรรม พัฒนาย่านการค้า การจราจรควบคุมด้วยระบบ AI รถไฟฟ้าขยายเวลาวิ่ง เพิ่ม 50 สวน ใน 50 เขต และเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเช่าถูกต้องตามกฎหมายเก็บภาษีได้
อนาคตใหม่ จะขึ้นอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินอย่างแท้จริง โดยรัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มปีละ 40,000 ล้านบาท นำไปใช้เพิ่มสวัสดิการประชาชน
ด้านการคมนาคม จะส่งเสริมการขนส่งสาธารณะที่คุณภาพดี ราคาถูก เข้าถึงง่าย ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ยกเลิกโครงการคมนาคมที่ซ้ำซ้อน เพื่อนำงบประมาณกลับมาพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อคนส่วนใหญ่ มีการพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเส้นหลักต้องเป็นระบบทางคู่ เพื่อรองรับปริมาณการเดินทางที่มากขึ้น และควบคุมตารางเวลาเดินรถได้อย่างแม่นยำ
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ เส้นหลักต้องเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อให้การขนส่งระหว่างเมืองเร็วขึ้น มีการพัฒนาขนส่งมวลชนระบบรอง (feeder) เช่น รถบัส หรือ รถมินิบัส ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อชุมชน กับระบบขนส่งมวลชนระบบหลัก และจะให้อำนาจท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกระบบขนส่งสาธารณะ
นอกจากนี้ จะส่งเสริมอุตสาหกรรมรถไฟในประเทศ ทั้งอุตสาหกรรมต้นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นตัวรถ รางหรือระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพที่จะทำได้ทันที และอุตสาหกรรมกลางน้ำ ที่เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ส่วนที่ยังต้องนำเข้าในช่วงแรก เช่น ระบบขับเคลื่อนหรือ ระบบอาณัติสัญญาณ และต้องมีการจัดตั้งสถาบันวิจัยเทคโนโลยีระบบราง เพื่อให้เกิดการพัฒนเทคโนโลยีในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้อุตสาหกรรมรถไฟของไทยส่งออกได้ในระดับภูมิภาค
ยังมีนโยบาย การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) คือ การออกแบบสังคมให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีอิสระและเท่าเทียมของทุกคน ซึ่งรวมถึงคนชรา ผู้พิการ หรือผู้เจ็บป่วยที่มีอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวให้สามารถใช้ได้
พอจะมองเห็นภาพแล้วว่าแต่ละพรรคมีนโยบายด้านเมือง การขนส่ง และที่อยู่อาศัยกันอย่างไร ใครมาเป็นรัฐบาล อย่าลืมทวงสัญญาที่ให้ไว้กันด้วยนะครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น